การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนในมติสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นประเด็นที่สำคัญของภาคธุรกิจพลังงานและไฟฟ้า ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียมีความต้องการและคาดหวังให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจนี้ดำเนินการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อช่วยจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดทำกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งหมายที่จะไปสู่ป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ได้เห็นชอบและให้ดำเนินการศึกษาแนวทางและวิธีการที่มีความเป็นไปได้ในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อนํามาจัดทำเป็นแผนที่นําทางการลดก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization Roadmap)และกําหนดเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย

นอกจากนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังจะใช้เป็นแนวทางดำเนินงานเพื่อตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ 12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Responsible Consumption & Production)และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) ด้วย

กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ

การขยายเครือข่าย
การมีส่วนร่วมกับภายนอก

  • มุ่งเน้นการแสวงหาความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ คู่ค้า ลูกค้าเพื่อส่งเสริมให้มีการลดก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียน
  • ร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาคม อุตสาหกรรม / องค์กร / หน่วยงานรัฐ

กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ยกระดับการดําเนินงานด้วยการบริหารจัดการการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศภายในองค์กร

  • มีการกำกับดูแลด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • พิจารณาให้รางวัลในรูปแบบต่างๆแก่พนักงานทุกระดับ สําหรับการดําเนินงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • บูรณาการกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไว้กับกระบวนการประเมินความเสี่ยงองค์กร
  • ดําเนินการกําหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing-ICP) ซึ่งเป็นการกําหนดมูลค่า (Value) ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นตัวเงิน (Monetary Value)ในหน่วยของมูลค่าทางการเงินต่อหน่วยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
(ลดก๊าซเรือนกระจก)

การกําจัดก๊าซเรือนกระจกก่อนและหลังการเผาไหม้
และการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

การขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียว

การขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียว

การขยายการผลิตพลังงานทดแทน และธุรกิจนอกภาคพลังงาน

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

การชดเชยและซื้อขายคาร์บอน

การซื้อ / ขอใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) /
การซื้อคาร์บอนเครดิตและการปลูกป่าเพื่อดูดกลับก๊าซเรือนกระจก

เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก

เป้าหมายปี 2578

  • รักษากําลังการผลิตรวม 10,000 เมกะวัตต์
  • สัดส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิล ร้อยละ 60
  • สัดส่วนพลังงานทดแทน ร้อยละ 40

1

การกําหนดสัดส่วนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า

เป้าหมายปี 2573

  • รักษากําลังการผลิตรวม 10,000 เมกะวัตต์
  • สัดส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิล ร้อยละ 70
  • สัดส่วนพลังงานทดแทน ร้อยละ 30

เป้าหมายปี 2578

  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ 10,000,000 tCO2e คิดเป็น 100% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558
  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558

2

การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก

เป้าหมายปี 2573

  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ 6,000,000 tCO2e คิดเป็น 70% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558
  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558

เป้าหมายปี 2578

  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บได้ 76,000 tCO2e

3

การเพิ่มการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก

เป้าหมายปี 2573

  • ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บได้ 55,000 tCO2e

การสร้างความตระหนักและศักยภาพของพนักงาน โดยบุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

การเปิดเผยข้อมูล : ผ่านช่องทางของรายงานความยั่งยืนที่อ้างอิงตามมาตรฐานสากล / แบบรายงาน 56-1 One Report / การเข้าร่วมประเมินความยั่งยืนขององค์กรทั้งในและต่างประเทศ

โครงสร้างการกํากับดูแลการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

หน่วยงาน

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

คณะกรรมการบริษัทฯ

  • บูรณาการประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไว้ในระบบการบริหารความเสี่ยงองค์กร การควบคุมภายในกลยุทธ์ธุรกิจ และเป้าหมาย
  • กําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ทิศทาง และกลยุทธ์การดําเนินงานที่รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
  • ให้ความเห็นชอบกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งตัวชี้วัดและเป้าหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของบริษัทฯ
  • กํากับดูแลและชี้แนะแนวทางการดําเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน และกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแผนปฏิบัติการและเป้าหมายของบริษัทฯและติดตามผลการดําเนินงานให้เป็นรูปธรรม
  • ติดตามความก้าวหน้าเทียบกับเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกับคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและคณะกรรมการตรวจสอบ

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

  • รวบรวมประเด็นโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไว้ในการประเมินและการบริหารความเสี่ยงองค์กร
  • กำกับดูแลและติดตามประสิทธิภาพของระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบควบคุมภายใน รวมทั้งความสอดคล้องของกลยุทธ์ และเป้าหมายทางธุรกิจ กับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

คณะกรรมการธรรมาภิบาล และความยั่งยืน

  • กำกับดูแลและติดตามความก้าวหน้าการดเนินงานตามแผนกลยุทธ์ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง และโอกาสในระดับองค์กร
  • ให้ความเห็นและชี้แนะแนวทางกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแผนงานและเป้าหมายที่ตอบสนองต่อกลยุทธ์พร้อมทั้งนำเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบ

คณะกรรมการกลั่นกรองการลงทุน

  • กำกับดูแลการประเมินความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการพิจารณาการลงทุนโครงการ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสในระดับโครงการและองค์กร

คณะกรรมการตรวจสอบ

  • ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้พร้อมให้ข้อเสนอแนะ

กรรมการผู้จัดการใหญ่

  • นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการบริษัทมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดทำแผนปฏิบัติที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ติดตามประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความก้าวหน้าของการปฏิบัติตามแผนงาน เทียบกับเป้าหมายที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติไว้

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจไฟฟ้า

  • บูรณาการประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศเข้าไว้ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility) และการตรวจสอบสถานะ และประเมินทรัพย์สิน (Due diligence) เพื่อประกอบการพิจารณาลงทุน
  • พิจารณาคัดเลือกคู่ค้าที่มีการดำเนินงานด้าน ESG และติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในช่วงของการก่อสร้างโครงการ

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่

  • บูรณาการประเด็นด้านความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไว้ในการพัฒนาหรือร่วมลงทุนโครงการ ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่ (Non-power)
  • บริหารจัดการโครงการและเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสินทรัพย์

  • ควบคุมดูแลประสิทธิภาพของระบบการบริหารความเสี่ยงองค์กร การดำเนินงานสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของกลุ่มบริษัทฯ (รวมบริษัทย่อยและบริษัทร่วม)
  • ติดตามผลการจัดการก๊าซเรือนกระจก และการบริหารความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโรงไฟฟ้า/สินทรัพย์

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงิน

  • จัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนา/ลงทุนโครงการสีเขียวหรือโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัทฯ
  • ติดตามผลการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ มาตรฐานทางบัญชี และการรายงานการดำเนินงาน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารองค์กร

  • ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน และกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการปฏิบัติตามแผนที่นำทาง และเป้าหมายของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ (Operational Control)
  • ติดตามการดำเนินงาน ความก้าวหน้าของแผนงานและเป้าหมาย พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง

ฝ่ายตรวจสอบภายใน

  • ตรวจประเมินความครบถ้วนและเพียงพอของการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้สอดคล้องตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ และรายงานต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะกรรมการตรวจสอบทราบ

การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทฯ กำหนดให้มีการทบทวนประเด็นความเสี่ยงตามกรอบมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-Related Financial Disclosures: TCFD) ทุก ๆ 3 ปี ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ทำการทบทวนผลการประเมินความเสี่ยงตามกรอบมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD) ของกิจการที่ลงทุนและดำเนินการในประเทศไทย ออสเตรเลียอินโดนีเซีย และเวียดนาม จำนวน 22 โครงการที่ดำเนินการ เมื่อปี 2566 สำหรับความเสี่ยงด้านกายภาพ (Physical Risks) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั้งแบบฉับพลัน (Acute) และแบบสะสม / ค่อยเป็นค่อยไป (Chronic) และความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risks) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย กฎหมายหรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มาตรการการจัดการความเสี่ยงมีการดำเนินการเพิ่มเติม สรุปได้ดังนี้

ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ประเด็นความเสี่ยงด้านกายภาพ

ประเภทความเสี่ยง

ความเสี่ยงแบบฉับพลัน
(Acute)

ความเสี่ยงแบบสะสมหรือค่อยเป็นค่อยไป
(Chronic)

เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

  • เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่รุนแรง เช่น พายุ น้ำท่วม เป็นต้น
  • การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสภาพภูมิอากาศ ในระยะยาว เช่น อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นส่งผลให้ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หรือการเกิดคลื่นความร้อน เป็นต้น

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

  • น้ำท่วมซึ่งทำให้เกิดการทับถมของตะกอนดินภายในเขื่อน ที่เป็นอันตรายหรือสร้างความเสียหายต่อเครื่องกังหันน้ำ ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
  • ความตึงเครียดของน้ำหรือน้ำแล้งอาจทำให้เกิด การขาดแคลนน้ำ หรือไม่มีน้ำใช้ในการเดินเครื่อง ผลิตพลังงานไฟฟ้า
  • เกิดฟ้าผ่าจนทำให้การผลิตไฟฟ้าหยุดชะงักและ สร้างความเสียหายต่อระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้า
  • คลื่นความร้อนอาจส่งผลให้ความสามารถของ ผู้ปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของเครื่องจักร ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าลดลง

การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกายภาพ

ฉากทัศน์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกายภาพของกิจการที่บริษัทฯ ควบคุมการบริหารในประเทศไทย ออสเตรเลียเวียดนาม และอินโดนีเซีย กำหนดไว้ 2 แนวทาง โดยพิจารณาระดับผลกระทบที่น้อยที่สุด คือ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่ 1.6 องศาเซลเซียส (RCP 2.6)และระดับผลกระทบที่มากที่สุด คือ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่4.3 องศาเซลเซียส (RCP 8.5) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)
 
สำหรับประเด็นผลกระทบพิจารณาจากระดับนัยสำคัญที่มีต่อองค์กร 6 ด้าน ดังนี้ (1) การเงิน (2) สุขภาพ/ความปลอดภัย/สิ่งแวดล้อม (3) พันธมิตร/ลูกค้า (4) กฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ (5) ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ (6) ความสำเร็จในเป้าหมาย และพิจารณาให้ระยะเวลาที่จะเกิดผลกระทบเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น: ภายใน 2 ปี, ระยะกลาง: 3-5 ปี และระยะยาว: 6-10 ปี

สรุปผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกายภาพ

ปัจจัยความเสี่ยงด้านกายภาพ: ภัยแล้ง

การคาดการณ์ผลกระทบ

การขาดแคลนน้ำหรือปริมาณน้ำใช้ที่มีจำกัดทำให้ไม่เพียงพอต่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อการผลิตและรายได้หลักของกลุ่มบริษัทฯ

ระยะเวลาเกิดผลกระทบ

ระยะสั้น – ระยะยาว

ผลการประเมิน

จำนวนวันที่เกิดภาวะแห้งแล้งติดต่อกันมากที่สุดในออสเตรเลียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากที่สุด (8%)ทั้งภายใต้ฉากทัศน์ RCP 2.6 และ 8.5 ในปี 2030 และ ปี 2050 ตามลำดับ

มาตรการจัดการ

  • การลงทุนสร้างแหล่งน้ำสำรอง และจัดหาแหล่งน้ำฉุกเฉินในกรณีที่ปริมาณน้ำดิบจากแหล่งน้ำหลัก มีไม่เพียงพอของกลุ่มกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ
  • การพิจารณาเปลี่ยนรูปแบบโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้น้ำน้อยลง หรือเปลี่ยนเป็นการผลิต พลังงานทดแทน เช่น โครงการพลังงานลม และแสงอาทิตย์ในประเทศออสเตรเลีย ที่พบความเสี่ยง จากภัยแล้งในระดับสูง ทั้งในระยะสั้นถึงระยะยาวตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป
  • โรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ตั้งในภาคตะวันออกของประเทศไทย จัดทำแผนฉุกเฉินในภาวะขาดแคลนน้ำดิบ สำหรับใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานกรณีเกิดการขาดแคลนน้ำดิบแบบฉุกเฉิน และเป็นการป้องกันความเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ด้วยการใช้น้ำจากบ่อหน่วงน้ำ (Storm Water Pond) การลดการระบายความร้อน (ไอน้ำ) การปรับเพิ่มรอบการใช้น้ำในระบบหล่อเย็น และประสานงานไปยังศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (กฟผ.) เพื่อปรับแผนการผลิต พร้อมจัดหาน้ำดิบจากหน่วยงานภายนอกอื่น เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตเบื้องต้น
  • เพิ่มมาตรการและกำหนดเป้าหมายการใช้น้ำ เช่น การใช้น้ำหมุนเวียนในระบบหล่อเย็น เป็นต้น
  • ศึกษาข้อมูลปริมาณน้ำฝนย้อนหลัง (สถิติฝน 100 ปี) และคาดการณ์ปริมาณน้ำฝน เพื่อประเมินความเสี่ยงและผลกระทบในขั้นตอนการจัดทำ EIA/ขั้นตอนของการคัดเลือกพื้นที่ตั้งโครงการ

ปัจจัยความเสี่ยงด้านกายภาพ: นํ้าท่วม

การคาดการณ์ผลกระทบ

เกิดน้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน อุปกรณ์เครื่องจักรสำคัญที่มีมูลค่าสูง และมีผลกระทบต่อการผลิตและระบบสายส่ง

ระยะเวลาเกิดผลกระทบ

ระยะสั้น – ระยะกลาง

ผลการประเมิน

จำนวนวันสูงสุดที่เกิดฝนตกหนักในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นมากที่สุดภายใต้ฉากทัศน์ RCP 8.5 ในปี 2050

มาตรการจัดการ

  • สร้างอ่างเก็บน้ำฝน ระบบระบายน้ำและกักเก็บน้ำเพื่อบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน  หรือการเกิดน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในกรณีขาดแคลนน้ำได้ด้วย
  • เชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อติดตามสถานการณ์ระดับน้ำ
  • ศึกษาข้อมูลปริมาณน้ำฝนย้อนหลัง เช่น สถิติน้ำฝน 100 ปี และคาดการณ์ปริมาณน้ำฝน เพื่อประเมิน ความเสี่ยงและผลกระทบในขั้นตอนการจัดทำ EIA/ขั้นตอนของการคัดเลือกพื้นที่ตั้งโครงการ

ปัจจัยความเสี่ยงด้านกายภาพ: สภาพอากาศสุดขั้ว

การคาดการณ์ผลกระทบ

  • สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องจักรและอุปกรณ์
  • ทำให้เกิดการบาดเจ็บของผู้ปฏิบัติงานเนื่องจากวัสดุตกใส่
  • การเกิดฟ้าผ่าที่สร้างความเสียหายระบบส่งไฟฟ้า และพายุลูกเห็บที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน

ระยะเวลาเกิดผลกระทบ

ระยะยาว

ผลการประเมิน

การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะความเร็วลมในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงสุดภายใต้ฉากทัศน์ RCP 8.5 ในปี 2050

มาตรการจัดการ

ความเสี่ยงนี้ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทฯ ทั้งในกรณีที่จะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานการบาดเจ็บของผู้ปฏิบัติงาน หรือการเกิดฟ้าผ่าที่มีผลต่อระบบส่งไฟฟ้า ดังนั้น การจัดการจึงยึดถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA

การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risks)

ประเภทความเสี่ยง

ประเด็น

ลักษณะผลกระทบ

การตลาด

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค/ลูกค้า

ลูกค้าต้องใช้แหล่งพลังงานทดแทนและบริการที่ให้การรับรองการใช้พลังงานทดแทนเพื่อจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 2

กฎหมายและข้อกําหนด

การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมาย กฎระเบียบและนโยบาย

การประกาศใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจํากัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดทําแผนการผลิตพลังงานทดแทนที่บังคับให้ภาคพลังงานต้องลงทุนเพิมเพ่ือลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น

เทคโนโลยี

การเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

การเกิดขึ้นของผลิตภัณฑ์และบริการใหม่มาทดแทน เช่น พลังงานทดแทนในรูปแบบใหม่ ระบบบริหารจัดการพลังงาน เป็นต้น

ชื่อเสียงและภาพลักษณ์

การเปลี่ยนแปลงชุดความคิดของผู้มีส่วนได้เสีย

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะสถาบันการเงิน นักลงทุนให้ความสนใจการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กรมากขึ้นและบางรายยกเลิกการลงทุนหรือลดการให้เงินกู้โครงการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

บริษัทฯ ได้ใช้ 3 ฉากทัศน์ คือ นโยบายภาครัฐ (State Policy Scenario) การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Scenarios: SDS) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission Scenarios: NZE) ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและประเด็นผลกระทบพิจารณาจากระดับนัยสำคัญที่มีต่อองค์กร 6 ด้าน ดังนี้ (1) การเงิน (2) สุขภาพ/ความปลอดภัย/สิ่งแวดล้อม (3) พันธมิตร/ลูกค้า (4) กฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ (5) ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ (6) ความสำเร็จในเป้าหมาย และระยะเวลาที่จะเกิดผลกระทบใน 3 ช่วงเวลา คือ ระยะสั้น 0 – 2 ปี,ระยะกลาง 3 – 5 ปี และระยะยาว 6-10 ปี

ผลการวิเคราะห์

ประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายจากการที่ภาครัฐจะบังคับใช้ภาษีคาร์บอน เพื่อควบคุมหรือจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาจจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกิจการที่ผลิตไฟฟ้า หรือต้นทุนในการผลิตเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนปริมาณการผลิตไฟฟ้าและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งความเสี่ยงนี้อาจจะเกิดขึ้นในระยะกลาง 3-5 ปี

มาตรการการจัดการความเสี่ยง

  • กำหนดกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและจัดทำแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2593
  • บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายการลงทุนกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนเป็นร้อยละ 30 ในปี 2573 และร้อยละ 40 ในปี 2578
  • การลงทุนหรือเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ใช้พลังงานทดแทนหรือโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีการใช้เทคโนโลยีหรือระบบในการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก อยู่แล้ว โดยหลีกเลี่ยงหรือยกเลิกการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหิน
  • กำหนดเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำ นวัตกรรมและพลังงานในอนาคต เช่น ไฮโดรเจน การจัดการประสิทธิภาพพลังงาน  ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและเกี่ยวเนื่อง เป็นต้น
  • กำหนดเป้าหมายการชดเชยคาร์บอนจากการปลูก ฟื้นฟู และอนุรักษ์ป่าไม้ และเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนภายในมากขึ้น

การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risks)

ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านทั้งด้านการตลาด เทคโนโลยี กฎหมายและข้อกำหนด นอกจากจะสร้างส่งผลกระทบเชิงลบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ แล้ว ในทางตรงกันข้ามยังสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ ได้ด้วย ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ทบทวนแผนกลยุทธ์ โดยมีการวางเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำและนอกภาคพลังงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสีเขียว ธุรกิจในห่วงโซ่ยานยนต์ไฟฟ้า การลงทุนโครงการพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม ระบบกักเก็บพลังงานจากพลังงานทดแทน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการติดตั้ง การผลิตไฟฟ้า และการบำรุงรักษาระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

การบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้เริ่มบูรณาการกับการบริหารความเสี่ยงองค์กร และยังกำหนดเป็นตัวชี้วัดการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบงานและทุกสายงานจะร่วมกันดำเนินงานผ่านคณะทำงานบริหารความเสี่ยง คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) และคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงาน ซึ่งผลการดำเนินงานจะรายงานให้ฝ่ายบริหาร คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการกลั่นกรองการลงทุน คณะกรรมการธรรมาภิบาลและความยั่งยืน และคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาและทราบ ตามลำดับ สำหรับฝ่ายตรวจสอบภายใน จะดำเนินการตรวจสอบประสิทธิภาพและความเพียงพอของระบบการบริหารความเสี่ยง และรายงานผลให้คณะกรรมการตรวจสอบ พิจารณาและทราบต่อไป